โครงการ Buy Me จำหน่ายแหนมเนือง "ญวนญี" สำหรับคนพิการและครอบครัว

โครงการ Buy Me จำหน่ายแหนมเมือง “ญวนญี” เดลิเวอรี่ สำหรับคนพิการและครอบครัว

เนิ่นนานมาเกือบ 6 ปีที่ผมพยายามที่จะบอกกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องว่า การที่คนพิการและครอบครัวจะสามารถลืมตาอ้าปากได้นั้น ไม่ควรเป็นหนี้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพ จากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แต่ควรใช้สิทธิ์ตามมาตรา 35 อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ ไม่ต้องกู้ยืม ไม่ต้องจ่ายเงินต้นคืน แต่ตลอดมาผลลัพธ์ที่ออกมานั้น ส่วนใหญ่ทั้งข้าราชการที่เพิกเฉยร่วมมือกับกลุ่มทุน บวกกับเคราะห์กรรมของคนพิการทั่วประเทศที่ต้องพบเจอกับผู้นำคนพิการที่เอารัดเอาเปรียบคนพิการ ไม่มีความตั้งใจจริงในการผลักดันให้คนพิการไปมีอาชีพที่มั่นคงได้จริง ให้ต้องตกอยู่ภายใต้การครอบงำอำนาจที่ต่อรองมาจากสถานประกอบการ รวมตัวกันทุจริตคอรัปชั่น

ผมเคยแนะนำว่า เหตุใดถึงไม่ประสานงานให้นักธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจเฟรนไชน์ ธุรกิจเพื่อสังคม มาร่วมกันออกแบบธุรกิจขนาดเล็กหรือปรับธุรกิจให้มีความเหมาะสมกับความพิการและงบประมาณตามมาตรา 35 (112,420 บาท/ คน/ ปี) เพราะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว ย่อมมีวิธีการที่จะสามารถนำพาคนพิการและครอบครัวให้สามารถทำธุรกิจที่ไปรอดมีอนาคตได้ การช่วยเหลือเพียงครั้งเดียวแล้วสำเร็จ จะสามารถช่วยเหลือคนพิการรายใหม่ได้ตลอดเวลาทุกปี แต่คำตอบที่เราได้ผลลักพธ์ก็คือ ผู้นำคนพิการไม่ได้ต้องการให้คนพิการประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ เพื่อให้คนพิการยังคงตกอยู่ภายใต้สังกัด ภายใต้สมาคมมูลนิธิ ของพวกเขา เพื่อให้ผลประโยชน์ยังคงผ่านมมือกลุ่มทุจริตคอรัปชั่นเหล่านี้

วันนี้ผมมีความภาคภูมิใจมากที่มีนักธุรกิจท่านหนึ่ง คุณนิติพัฒน์ พรนิมิตพิศาล เจ้าของบริษัท พืชสวนครัว จำกัด ได้มีความเข้าใจในภาระของการที่ครอบครัวมีคนพิการอยู่ภายในบ้าน มีค่าใช้จ่ายสูง มีความลำบากที่ต้องอดทน ต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ จึงได้ปรับธุรกิจ Buy Me จำหน่ายแหนมเมือง “ญวนญี” เดลิเวอรี่ ให้คนพิการและครอบครัวสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยมีแนวคิด ดังนี้
  1. จำหน่ายแต่สินค้าสุขภาพ เป็นหลัก เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ซึ่งความเจ็บป่วยของประชากรในประเทศ หากประเทศใดมีความเจ็บป่วย ประเทศนั้นจะมีปัญหาเชิงเศรษฐกิจสูง
  2. จะขยายสาขาให้ครบ 1,000 สาขาภายใน 5 ปี
  3. ในจำนวนสาขาทั้งหมด จะมี 200 สาขาที่ทำโครงการนำร่อง โดยผู้จำหน่ายเป็นคนพิการหรือเป็นสมาชิกครอบครัวคนพิการ เพื่อให้นำรายได้ไปจุนเจือ เลี้ยงดู คนพิการในครอบครัวได้

สามารถอ่านรายละเอียดของโครงการหลักได้ที่ด้านล่างของหน้าเว็บไซต์นี้ครับ













คุณสมบัติของคนพิการและครอบครัว ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 5 ครอบครัว มีดังนี้
  1. เป็นคนพิการที่สามารถเดินทางได้ ไม่นั่งรถเข็น
  2. หรือเป็นผู้ดูแลคนพิการและคนในครอบครัวของคนพิการ
  3. จำนวนคนต่อ 1 คีออส (บูธ) ใช้ผู้จำหน่ายประจำคีออส จำนวน 2 คน
  4. จะเปิดเฟสแรกจำนวน 5 คีออส (บูธ) บริเวณบางบัวทอง จ.นนทบุรี (บนถนนราชพฤกษ์ ถนนชัยพฤกษ์ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย) จึงควรอาศัยอยู่ใกล้บริเวณติดตั้งคีออส
  5. เวลาทำการตั้งแต่ 6.30-23.30 น. คือ ทำงาน 2 กะ รวม 17 ชั่วโมง ดังนั้นจึงควรอาศัยใกล้จุดติดตั้งคีออส

ผลตอบแทนที่ผู้ร่วมโครงการจะได้รับ ดังนี้
1.แต่ละครอบครัว (จำนวน 2 คน) จะมีรายได้ประจำเดือนขั้นต่ำ ครอบครัวละ 20,000 บาท
2.หากจำหน่ายเกินเป้าหมายยอดขาย จะมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมให้โดยจ่ายทุกๆ 3 เดือน
3.ชุดเสื้อผ้า หมวก สำหรับการจำหน่ายสินค้า คนละ 2 ชุด
4.ประกันชีวิตแบบกลุ่มให้กับผู้จำหน่ายสินค้า

ติดต่อสอบถามเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่
นายปรีดา ลิ้มนนทกุล มือถือ 086-314-7866 อีเมล์ Preeda.Limnontakul@gmail.com 
รบกวนติดต่อมาเพื่อได้พูดคุยสัมภาษณ์เบื้องต้นครับ

โครงการพัฒนานขยายร้านค้าขนาดเล็กเพื่อขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆที่มีศักยภาพทั่วประเทศ
 Executive Summary

1.เหตุผล:       
ปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปหันมาใช้คอมมูนิตี้มอลล์ใกล้บ้านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในที่เดียว รวมถึงตามปั๊มน้ำมันซึ่งมีร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟและร้านค้าเล็กๆ ภายในปั๊มเพิ่มมากขึ้นแม้กระทั่งร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟภายในหน่วยงาน องค์กร  โรงพยาบาล รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ  เป็นความจริงที่ว่ามนุษย์เราสามารถเลือกและรับประทานอาหารได้หลากหลาย แต่อาหารเพื่อสุขภาพที่มีรสชาติดีพร้อมรับประทานกำลังเป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบันและคนทั่วไปให้การตอบรับที่ดีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทพืชสวนครัวในฐานะที่มีประสบการณ์อาหารเพื่อสุขภาพมามากกว่า 10 ปี จึงมีความสนใจที่จะขยายสาขาเป็นร้านค้าขนาดเล็กเพื่อเป็นอาหารพร้อมทานและเป็นของฝากให้กับคนที่รักและชอบในอาหารเพื่อสุขภาพ

2 วัตถุประสงค์:
  1. เพื่อขยายสาขาร้านค้าขนาดเล็กเพื่อขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ
  2. เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าให้คนสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวกและง่ายมากขึ้น         
  3. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ โดยการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
  4. เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับสถานที่ต่างๆที่ให้เช่าพื้นที่ ที่คำนึงถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้มาใช้บริการ
  5. เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการต่างๆ เช่นเกษตรกรที่ขายผักปลอดสาร รวมถึงผู้ค้ารายย่อยต่างๆที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ สามารถมีช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางร้านค้าของบริษัทฯ

3. ผลและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ:
3.1 ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
  • ได้บริโภคสินค้าที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ                                      
  • เข้าถึงสถานที่จำหน่ายสินค้าได้สะดวกและง่ายขึ้น เพราะเพิ่มสถานที่และช่องทางการจัดจำหน่าย
  • ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานส่งอาหารซึ่งมีราคาแพง                        
  • สินค้าจะสดและสะอาด เพราะลดภาระเรื่องการเดินทางและการจัดส่ง

                        
3.2 ประโยชน์ต่อสถานที่ หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ที่ให้เช่าพื้นที
  • เพิ่มภาพลักษณ์ให้กับหน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ที่คำนึงถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้มาใช้บริการ
  • กระตุ้นให้คนที่มาใช้บริการรวมถึงคนในองค์กรหันมาสนใจสุขภาพ
  • เป็นผู้นำในการให้โอกาส รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการต่างๆ เช่นเกษตรกร รวมถึงผู้ค้ารายย่อยต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ สามารถมีช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางร้านค้าของบริษัทฯ

3.3 ประโยชน์ต่อประเทศชาติ
  • ช่วยเหลือเกษตรกร ทำให้สินค้าที่เกษตรกรผลิตขึ้นมาได้มีช่องทางจำหน่ายได้มากขึ้น
  • เมื่อสุขภาพร่ายการแข็งแรงเพราะกินอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะลดภาวะเกิดโรค คุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • ประหยัดงบประมาณในการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน



บทความที่เกี่ยวข้อง